Sunday, September 23, 2007

เราเป็นได้อย่างที่คิดจริงหรอ

เมื่อวันเสาร์ได้ไปกับเพื่อนตอนม.ปลาย
เราก็ลากเพื่อนเข้าร้านหนังสือ (อยู่ได้เป็นวันๆ ไม่มีเบื่อ) เพื่อนก็ งง เอ๊ะอีนี่อยู่ดีๆลากกูเข้ามาทำไม 555
ระหว่างที่เพื่อนกำลังงง เราก็มองหาหนังสือที่เราเขียนไว้สมัยยังทำงานอยู่กัย SPC Book เราหาหนังสือเจอแล้ว ส่งให้เพื่อน
เพื่อนงงอีก ส่งมาทำไม เราก็บอก เออน่า ดูไปเหอะ
สักพัก เพื่อนมาตบบ่า บอกว่ากูรู้แล้วมึงให้กูดูทำไม
ที่เราให้เพื่อนดูเป็นหนังสือเล่มที่สองที่เขียนกับ SPC
อินเทอร์เน็ตเบื้องต้น

เพื่อนสอบถามเราเกี่ยวกับหนังสือ และการทำงานนักเขียน
เราก็อธิบายๆ ตอบในคำถามที่เพื่อนบอก
ระหว่างตอบก็เปิดๆดูในเล่ม ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไหม เพราะว่า เราเขียนไว้นานแล้ว ตะกะปีที่แล้ว (ช่วงเดือนสิงหาปีที่แล้ว)
โอเค เนื้อหาเหมือนเดิม เราเป็นคนเขียน เราเป็นคนหาข้อมูล
ตั้งใจทำนะ แต่ก็มีแอบวอกแว่ก เล่นซะจนงานช้า แหะๆๆ

***************************
เพื่อนบอกเราว่า ภูมิใจในตัวเรา
เพื่อนบอกเราว่า นุ่นมึงอยากเป็นนักเขียนมาแต่เด็ก ตอนนี้ก็ได้เป็นสมใจแล้ว มุ่งมั่นมากนะ
เราบอกเพื่อนว่า เราอยากเดินทาง ท่องเที่ยว ไปพร้อมๆกับการเขียนหนังสือ เขียนสิ่งที่เราได้พอเห็น ได้ประสบพบ
เพื่อนบอกเราว่า นุ่นมึงได้ทำแน่ สิ่งที่มึงบอกว่ามึงอยากทำ กูเห็นมึงก็ได้ทำทุกที

สาธุ๊ เพื่อนดังๆเลย ขอให้เป็นแบบนั้น
เพราะเรายังมีสิ่งที่อยากทำ อยากไป อยากประสบ อีกพอสมควร

*************
คำถาม : เคยน้อยใจตัวเอง หรือเคยนึกท้อบ้างไหม
คำตอบ : เคยซิ บ่อยเสียด้วย
น้อยใจตัวเองเรื่องความรัก
ท้อเรื่องงาน
ความรัก ผ่านมาก็ผ่านไป ทั้งๆที่เราไม่ได้อยากให้ผ่านมาแล้วผ่านไปเสียหน่อย เราอยากให้มีใครสักคนรักเรา อย่างไม่มีเหตุผล
ปกติเราเป็นคนชอบคนยาก และจะนิสัยเสียมากๆ หากคนๆนั้นเป็นคนที่เราไม่ได้ชอบ หรือคนๆนั้นทำให้เรารู้สึกไม่ดี
เช่น เซ้าซี้ บอกในสิ่งที่เราไม่ได้อยากทำ หรือสิ่งที่ถ้าเราต้องการทำเราก้อจะทำเอง (ประมาณว่า นุ่นคุยกับคนอื่นบ้างซิ ออกไปเที่ยวบ้างซิ คุยกันมาตั้งนานแล้วอยากเจอ หรือนุ่นมีแฟนซิ ทำไมฟ่ะ คุยกับคนอื่นก็คุยอยู่ทุกวันอยู่แล้ว อยากเงียบบ้างไม่ได้หรือไง ออกไปเที่ยวอยากนอนอยู่ห้องเฟ้ย ถ้าอยากไปเด๋วก้อออกไปเที่ยวเอง แฟน?ทำไมยังรักแฟนเก่าอยู่ผิดตรงไหน จะพูดย้ำๆทำไม)
คือไม่ใช่คนเดียวพูดไง ก้อมีคนพูดแบบนี้กับเราหลายครั้งและหลายคน เพื่อนฝูงก็พูด
จริงๆแล้วเป็นคนดื้อไง มาพูดๆ แล้วก็จะไม่ทำ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าถ้าเราอยากทำเราก็จะทำเอง ไม่ต้องมาบอก
เรารู้นะว่าพวกเขาหวังดี ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงที่ทุกๆคนมีให้เรา
แต่เราเป็นเรา เรารู้ตัวว่าเราทำอะไรอยู่
สิ่งไหนที่จะเกิดขึ้นกับเรา เราขอตัดสินเอง เราขอทำเอง
สมมติมีคนบอกให้เราทำสิ่งๆหนึ่ง เราทำแล้วเกิดพลาด เราจะไปโทษคนที่บอกให้ทำได้ไหม มันก็ไม่ได้ เราโทษใครไม่ได้ เราโยนความผิดให้กับใครไม่ได้
ถ้ามันพลาด ทุกๆคนที่รู้จักเรา จะรู้ไหมว่าเราทำตามคนอื่น เขาก็ไม่รู้หรอก เขาก็ต้องมองมาที่เราแล้วบอกว่า ยี้ทำพลาด ฮิ๊วๆ คนทำพลาด แก้ไขไม่ได้แล้ว อ่ะๆแก้ตัวหรือ ฟังไม่ขึ้น อะไรแบบนี้เป็นต้น
ถ้ามีคนพูดลักษณะนั้นกับเรา เราอยากจะฟังเขาแล้วเรารู้สึกใจในเราเองว่า โอเค กูผิด กูพลาดเอง กูทำตัวเอง กูเจ็บเอง กูช้ำเอง ฯลฯ เป็นต้น
สิ่งที่เราคิดมันเรียกว่า ดื้อ , ดันทุรัง, ย่ำอยู่กับที่ หรือแล้วแต่ใครจะเรียกหรือป่าว
เราก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรามีความคิดที่เป็นแบบนั้น มาตั้งแต่จำความได้แล้ว
จริงๆแล้วความคิดแบบนี้เขาเรียกว่าอะไร
ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ฟังคำคนอื่นหรอกนะ เราฟัง ไม่ต้องน้อยใจนะว่าพูด บอก หรือสอนเราแล้วเราไม่ฟัง ไม่สนใจ ขอให้รู้ไว้ ว่าทุกๆคำที่พูด ที่บอก ที่สอนเรานั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร เรารู้ เราคิดตาม เราเก็บไว้ในความคิดเราตลอด
แต่ เราจะเลือกมาใช้หรือไม่นั้น มันขึ้นอยู่กับเรา
เราไม่ได้หัวอ่อน เราไม่ได้หัวแข็ง แต่เราเป็นเรา เราเชื่อในตัวเรา หากพลาดมันจะต้องพลาดเพราะตัวเราเป็นคนตัดสินใจเอง
สังเกตตัวเองหลายครั้งเรื่องนิสัยหรือความคิด
เราชัดเจนในทุกๆความรู้สึก
รัก โลภ โกรธ หลง ชอบ เกลียด อยากทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่อยากสิ่งหนึ่งสิ่งใด
หากเราผิดเราขอโทษ หากเราไม่ผิดให้ตายยังไง เราก็ไม่สำนึก
ทุกๆความรู้สึก มันออกมาจากความคิดที่เราคิดแล้ว ว่าไม่ขัดกับความเป็นเรา
ทำไมเราต้องมาบอก เพราะหลายครั้งแล้ว เพราะแบบนี้ เรารู้ว่าเราทำร้ายความรู้สึกของคนอื่น
ขอโทษนะ ที่บางครั้งทำให้หลายๆคนเสียใจ ร้องไห้ แม้กระทั่งแม่ของเรา
มีอยู่วันหนึ่ง เรากลับมาทำงานตอนเช้าหลังจากที่กลับไปบ้าน
แม่โทรหาเราตามกำหนดเวลาที่กะไว้ ว่าเราจะต้องถึงออฟฟิศ
แบตโทรศัพท์เราหมด แล้วโชคไม่ดี รถติดทั่วทุกมุมกรุงเทพ เราไปถึงออฟฟิศ 11 โมง
เราเปิดโทรศัพท์ เห้นเบอร์ที่บ้านโทรมา ก็โทรกลับไป แม่บอกทำไมกูโทรหามึงไม่ติด แล้วมิเกลโทรหายัง แม่โทรไปหามันว่าทำไมมึงยังไม่โทรมาหาซักที
เรารู้นะว่าแม่ห่วงเราโคตรๆ แต่นะ ทำไมฟ่ะ โทรไปโวยวายกับเพื่อนทำไม เพื่อนมันไม่ได้มาอยู่กับเราตลอด 24 ซักหน่อย
เราพูดไม่ดีกับแม่ เรารู้ หลังจากเราโทรหาเพื่อนเราเส็ด เราก้อโทรไปหาแม่อีกรอบ บอกว่า ตะกี้หนูพูดไม่ดีเลยโทรมาใหม่ แม่บอก เออ กูกำลังทำอารมณ์อยู่นะ เราก้อบอกไปในเหตุผลที่เรามีว่าคราวหลังไม่ต้องโทรไปหาใครอีก มันไม่มีประโยชน์หรอก เพราะอยู่คนเดียว
บอกว่าเราดูแลตัวเองนะ ไม่ต้องห่วง แม่พูดมาประโยคเดียว
"ถ้ามึงมีลูกแล้วจะรู้ว่า คำว่าห่วงมันเป็นยังไง"
โห โคตรคำคม
เรารู้ว่าแม่ห่วง หวง เรามากๆๆ
แต่นะ ไว้ใจลูกหน่อยได้ไหม เลี้ยงลูกมาขนาดนี้แล้วทำไมยังไม่ไว้ใจ
อยู่กรุงเทพมาก็ 5-6 ปี โอเค แค่ 5-6 ปีมันยังน้อย แต่เราก็รู้ว่าอะไรผิดถูก ควรไม่ควร อย่างน้อยเรารู้ในสิ่งที่แม่ไม่รู้ แม่ไม่เคยเจอ
แต่มองในมุมกลับ เราก็รู้เหมือนกันว่าแม่เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น แม่เจอในสิ่งที่เราไม่เคยเจอด้วยเช่นกัน
แต่จะทำไงให้แม่รู้สึก ครึ่งๆ กับเราบ้าง รู้ว่าเราเด็กเสมอในสายตาพ่อแม่ แต่นะ ครึ่งๆ รู้จักป่ะ
แล้วไอ้เรื่องฝากฝังเรากับคนนู้นคนนี้ แม่ไม่ต้องฝากฝังหนูหรอก คนอื่นเขาลำบากใจกันทั้งนั้น เรารู้ว่าผิดถูกคืออะไรนะ เราไม่ทำตัวเหี้ยให้พ่อแม่ต้องผิดหวังหรอก ถ้าเราจะเหี้ยคงเป็นไปนานแล้ว แหมก่อนน้องชายเราเกิด ทำยังกับครอบครัวอบอุ่นนัก เหี้ยตอนนั้นละเหมาะนัก อ้างไปซิว่า ครอบครัวไม่อบอุ่น ทำไมเราไม่ทำละ เพราะเรายังมีสิ่งต่างๆที่อยากทำ อยากไปเยอะแยะ โลกแค่นี้ยังมีอะไรให้เราต้องเจอ ทั้งดีและไม่ดี ไม่ตายก่อน ทุกคนต้องเจอกันทั้งนั้น เราจะทำให้ตัวเองหมดอนาคต ทำไมกันละ

หูย พล่ามซะยาว มันอึดอัดนะ ไม่รู้จะพูดกับใคร
เพราะเราก็อยากอยู่นิ่งๆ อยู่เงียบๆ อยู่เฉยๆ
ปล. เพื่อนผู้หญิงทำไมมันเข้าใจอะไรยากกันจังวะ สาดดด ไม่เจอกันนาน ทำไมไม่ถามละว่าเป้นอย่างไร ทุกข์สุข ดีไหม ถามทำไมวะ ว่ามีแฟนหรือยัง ห่าไม่มีอะไรจะถามแล้วเรอะ ไม่ใช่ว่าเรากำลังอกหักแล้วไม่อยากให้ถามนะ แต่แบบ บ้ากันหรือไง จริงๆแล้วถามเรื่องแฟนเพื่อเอาไปเทียบกับตัวเองใช่ไหมละ
ผู้หญิงก้องี้ทั้งนั้น งี่เง่า เจ้าปัญหา ทำตัวให้วุ่นวาย เรื่องแฟน เรื่องเงินเรื่องทอง จะต้องอยากรู้อยากเห็น
เราก็เป็นนะไอ้พฤติกรรมที่เราพิมพ์ไว้ข้างบน แต่เราไม่ได้แบบว่ากูจะต้องรู้เรื่องของเพื่อนๆ ทุกคน ในทุกๆเรื่อง เราเข้าใจว่าคนเรามันก็อยากมีเรื่องที่บอกใครไม่ได้ หรือเรื่องที่อยากรู้สึกคนเดียวบ้าง ไอ้ที่เขาเรียกกันว่าพื้นที่ส่วนตัวน่ะ ไม่ใช่อะไรๆก็จะมาป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้หมด
ประสาท
จบการพล่ามครั้งที่ 1