Thursday, November 29, 2007

ลอยกระทง-ลอยไปซิ


ลอยกระทงปีนี้กลับบ้านไปลอยกับครอบครัว หลังจากที่ไม่ได้ลอยพร้อมหน้าพร้อมตา พ่อ แม่ ลูกสาว ลูกชาย มานานหลายปีแล้ว เหตุหนึ่งเพราะฉันขี้เกียจกลับบ้าน แม้จะอยู่หอแต่ก็ไม่ได้ไปลอยกระทงกับใครที่ไหนนะ เพราะขี้เกียจเหมือนกัน ปีนี้กลับบ้านมาก็มีความสุขดี คืนวันเสาร์วันลอย ก่อนลอยก็รอให้แม่ดูละคร ลูกระนาด (ไม่เข้าใจคนตั้งชื่อเลย ทำไมต้องลูกระนาด ลูกลิเกไปเลยไม่ได้รึ) พอจบลูกระนาด (ที่ไม่ใช่ไอ้ส่วนที่นูนๆบนถนน คอยดักคนขับรถเร็วนะคะ) ฉันกับแม่ก็ไปเที่ยวงานวิถีไทย จริงๆ ฉันก็จำชื่องานไม่ได้หรอก เพราะตะก่อนมันไม่เคยจัด ท้าวความเล็กน้อย สมัยก่อนตอนฉันยังเด็กเล็กนัก จะมีที่จัดงานอยู่ สอง ที่ คือบริเวณรอบๆ วัดโสธร ที่ยังไม่ได้สร้างใหม่อ่ะนะ กับที่ศาลากลาง ที่ศาลากลางนี่กินอาณาบริเวณใหญ่ มีร้านรวง เครื่องเล่น (งานวัดดีๆนั่นแหละ) มีคอนเสิร์ตให้คนมาตีกันได้ทุกปี ไม่รู้แม่งจะตีกันทำด๋อยอะไร

เด็กๆ ฉันก็ไปเที่ยวงานทุกปีแหละ วันสองวัน ก็ว่าไป โตมาหน่อยก็ไม่ไปแหละ ขี้เกียจ หลังจากเรียนมหาลัยก็ไม่ได้ไป อีกเลย จนมาปีนี้แหละ ในงานถนนวัฒนธรรม (ฉันตั้งชื่อให้ใหม่ละกัน) ก็มีการนำภาพถ่ายประกวดเมืองแปดริ้วในอดีต มาจัดแสดง หูย เปิดโลกทัศน์มาก ตรงนั้นมันโรงเรียนดัดดรุณีนี่นา แม่งตึกไม้ดีๆนี่เอง ก็เดินๆ กินๆ สองคนแม่ลูกกินกันไม่กลัวอ้วน นี่ขนาดกินข้าวเย็นจากบ้านกันมาแล้วนะ เดินๆกินๆสักพักฉันก็โทรหาเพื่อน จริงๆเพื่อนโทรมาหาก่อนแล้วแหละ ก็นัดให้มันมา ตอนนั้นมันอยู่ศาลากลาง มันก็ใกล้ๆกับบริเวณที่เขาจัดงานถนนวัฒนธรรมนั่นแหละ

ประทับใจงาน ประทับใจพลุ กว่าเพื่อนจะเดินมาหาฉันได้ พลุก็ปล่อยหมดแล้ว พอมาเจอกัน เพื่อนมันกอดแม่ฉันใหญ่เลย 555 คุยกันหนุกหนาน แม่มีนินทาฉันระยะประชิด กับเพื่อนอีกด้วย อ่อ แถมนัดแนะกันว่าปีหน้าจะขายกระทงแล้วให้เพื่อนฉันมาใส่ชุดไทยเรียกแขก (มึงจะเรียกแขกมาซื้อกระทงให้แม่กูได้ไหมวะ ไม่เป้นไรเด๋วกูใส่ชุดไทยเป้นเพื่อน เอาแบบกล้วยตานีเลยม่ะ คนจะได้หลอนกันถ้วนหน้า)หลังจากคุยกับเพื่อนพอหอมปากหอมคอ ก็ขอตัวกลับ เพราะพ่อกับน้องชายรอลอยกระทงอยู่ที่บ้าน ถึงลอยก็เตรียมพร้อมเลย ลอยกระทง แม่เป้นเนื้อคู่กับพ่อว่ะ 555 พ่อปล่อยกระทงก่อน แม่ปล่อยทีหลัง แต่กระทงไปอยู่ติดกันซะงั้น

น่ารักจริงๆ

จบแระน๊า ยาวมากแล้ว

Monday, November 19, 2007

THE GREAT YOKAI WAR (2005)

THE GREAT YOKAI WAR 2005)


เรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจจาก ชิเงรุ มิซึกิ ผู้ให้กำเนิด อสูรน้อยคีทาโร่ เป็นผลงานการกำกับเพื่อให้เด็กๆดูของ ทาคาชิ มิอิเกะ เจ้าพ่อหนังคัลท์ญี่ปุ่น หนังรีเมคจาก Yokai Monsters : Spook Warfare (1968) โดยได้ผสมเนื้อหาในนิยายของ ฮิโรชิ อารามาตะ เข้าไปด้วย


เล่าเรื่องของ ทาดาชิ (ริวโนสุเกะ คามิกิ) เด็กชายที่พ่อแม่เลิกกัน เขากลับมาอยู่กับแม่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ส่วนพี่สาวอยู่กับพ่อที่โตเกียว เมื่อเขากลับไปอยู่ที่หมู่บ้านนั้นได้ไม่นาน ที่นั่นก็มีเทศกาลประจำปี คัดเลือก ผู้ขี่คิริน ตามตำนานของหมู่บ้านที่ว่า ผู้ขี่คิรินได้ปราบ มหาปีศาจ และได้ฝากดาบเอาไว้ให้มหาปีศาจดูแล ทุกๆปีผู้ขี่คิรินก็จะไปที่ภูเขาและเอาดาบกลับมา


คาโตะ ยาสุโนริ (เอซึชิ โทโยกาว่า) ผู้ที่เคยเป็นมนุษย์มาก่อนแต่มีความแค้นต่อสิ่งที่มนุษย์กระทำไว้ คาโตะมอบชีวิตใหม่ให้กับสิ่งของที่โดนทิ้ง โดยให้ไปรวมร่างกับโยไก จนออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับมนุษย์และโยไกด้วยกันเองจนเกิดเป็นสงครามโยไกที่ยิ่งใหญ่ เมื่อเหล่า โยไก (โยไกเป็นชื่อเรียกกลุ่มปีศาจชนิดหนึ่งในเหล่าปีศาจที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า โอบาเกะ) โชโจ (มาซาโอมิ คนโด) ผู้ถือสารคิริน, กัปปะ (ซาดาโอะ อาเบะ) และเจ้าหญิงแห่งแม่น้ำ คาวาฮิเมะ (มาอิ ทากาฮาชิ) ต่างก็ออกไปต่อสู้กับคาโคะ พร้อมด้วยทาดาชิ


สาเหตุในการออกร่วมต่อสู้ในอภิมหาสงครามโยไกของทาดาชินั้น ประการแรกเพราะเขาต้องการช่วยคุณตา โดยไม่รู้ว่านั่นคือการทดสอบคุณสมบัติผู้ขี่คิริน ประการต่อมาหลังจากที่ ทาดาชิได้พบเห็นโยไก ชื่อ ซูเนะโกซูริ เขาก็รู้สึกผูกพันและมันก็โดนสมุนของคาโตะจับตัวไป ทาดาชิได้ร่วมต่อสู้อย่างกล้าหาญ และเชื่อมั่นในเหล่าโยไก แต่เมื่อสงครามผ่านพ้น โดยเขาและโยไกเป็นฝ่ายชนะ กาลเวลาผ่านพ้นไปแล้ว บัดนี้ทาดาชิไม่ได้มีหัวใจบริสุทธิ์อย่างเด็กๆอีกแล้ว เพราะเขาไม่สามารถมองเห็นซูเนะโกซูริ และโยไกตนอื่นๆ ได้อีก...