Wednesday, March 28, 2007

เคว้ง คว้าง


คุณผู้อ่านครับ

เมื่อตอนเป็นเด็ก คุณคิดว่าอาชีพไหนที่สบาย หรือทำง่ายที่สุด ได้เงินเยอะที่สุด

.......

เด็ก

เด็กหญิงตัวน้อยๆ เกิดออกมาเป็นลูกคนเดียวได้หกปี ก็มีน้องชายตัวเล็กๆ
เธอเฝ้าดีใจที่จะได้มีน้อง (ชายหรือหญิงไม่ว่ากัน)

เมื่อน้องโตขึ้น อายุมากพอที่จะได้เรียนหนังสือ
เด็กหญิงคนนั้นก็ทำหน้าที่พี่สาวที่น่ารักและแสนดี ด้วยการเป็นครูสอนหนังสือให้น้อง

ผม- ทำไมหนูถึงสอนหนังสือให้น้องละจ๊ะ
เด็กหญิง- ก็หนูอยากเป็นครูนี่นา แต่ไม่มีใครให้หนูสอนเลย
ผม- น้องที่เกิดมาจึงต้องรับบทเป็นนักเรียนจำเป็นใช่ไหมจ๊ะ
เด็กหญิง- ช่ายยยย

หากแต่การสอนหนังสือให้น้องนั้น ไม่ได้ง่ายราบรื่นแต่อย่างใด
น้องของเธอกำลังอยู่ในวัยที่ห่วงเล่นมากกว่าห่วงเรียน

ผลลัพธ์ที่เด็กหญิงได้รับในขณะนั้น
คือ
น้องชายไม่ยอมเรียน เธอโดนแม่ดุเพราะสอนน้อง และดุน้องมากเกินไป

เจอแบบนี้เข้าไป แต่เด็กหญิงยังไม่เลิกเป็นครูหรอกนะ



วัยเรียน

เข้าเรียนประถม , มัธยมต้นแล้ว
สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างดูโทรทัศน์กับครอบครัว

โฆษณา , ภาพยนตร์ หรือละคร

คุณพ่อของเธอ จะมีอาการ ไม่ชอบวงการบันเทิงอย่างรุนแรง

เพราะละคร ภาพยนตร์ หรือโฆษณา ที่ได้ออกอากาศทางทีวีนั้น ไม่ถูกใจพ่อของเธอกระมัง

ผม- หากพ่อของหนูโวยวาย หรือพูดเกี่ยวกับละคร ภาพยนตร์ หรือโฆษณา หนูจะทำยังไงจ๊ะ
เด็กหญิง- ก็เถียงซะ ไงค่ะ ก็พ่อทำไมต้องพูดขนาดนั้น ไม่ได้เป็นคนถ่ายเองสักหน่อย

เกิดความคิดเล็กๆ ขึ้นภายในใจเด็กหญิง

เธออยากเป็นคนทำโฆษณา

ผม- แล้วหนูเถียงชนะไหมจ๊ะ
เด็กหญิง- ชนะมั่ง ไม่ชนะมั่ง
ผม- แล้วหนูอยากเป็นอะไรตอนโตขึ้นจ๊ะ
เด็กหญิง- เป็นคนทำโฆษณาค่ะ พ่อจะได้รู้ว่า มันทำออกมายังไง .... จะได้เถียง เอ้ย บอกพ่อได้ถูกยังไงค่ะ

วัยรุ่น

เด็กหญิงคนนั้น เติบโตจนเข้าเรียนม.ปลายแล้ว

เด็กหญิงที่มีความฝัน ตอนนี้ใช้ชีวิตวัยเรียนเหมือนเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ

เธอยังไม่รู้ว่า เรียนจบเธอจะเรียนอะไร ทำงานแบบไหน

ม.หกเข้าใกล้เธอมาแล้ว มาพร้อมกับการสอบเอนทรานซ์

ถึงวันสอบก็ไปสอบ หนังสืออ่านบ้าง ไม่อ่านบ้าง

ถึงเวลาเลือกคณะ เลือกมหาวิทยาลัย ก็เลือกไปตามที่ชอบ

ผม- เจอกันอีกแล้ว จำกันได้ไหม
เด็กหญิง- จำได้ค่ะ พี่จะถามอะไรหนูหรือค่ะ
ผม- รู้ทันนะเรา อยากเรียนอะไรละ
เด็กหญิง- อืม... ยังไม่รู้เลยพี่ แต่คงไม่เรียนบริหาร หรือวิศวะ ชัวร์
ผม- ทำไมละ
เด็กหญิง- ก็หนูไม่ชอบนี่นา พี่คิดดูนะ พ่อหนูทำงานคนเดียว ถ้าหนูเรียนอะไรที่ไม่ชอบ เชื่อได้เลย หนูไม่ตั้งใจหรอก ถ้าเรียนไม่จบ พ่อเสียเงินไปเปล่าๆ แน่
ผม- แล้วจะเรียนอะไรละ ที่คิดว่าชอบอ่ะ
เด็กหญิง- หนูชอบขีดๆ เขียนๆ แล้วก็อยากทำหนังด้วยอ่ะ แต่ถ้าเรียนหนัง เงินมันต้องบานปลายแน่ๆ หนูเลยเลือกเอนฯ สาขาวิทยุ-โทรทัศน์ไปแล้วอ่ะ อ่อ หนูอยากไปญี่ปุ่นใช่ไหมละ ก็เลือกเอนฯ สาขาวิชาภาษาญี่ปุ่นไว้ด้วย ... แต่ แต่ ไม่รู้จะติดรึเปล่านะ
ผม- คิดว่าติดไหมละ
เด็กหญิง- แล้วแต่คะแนนที่สอบแล้วกันนะพี่

และแล้วก็ถึงเวลาที่ประกาศผล
ผม- ว่ายังไงเรา ผลสอบเป็นยังไงมั่ง
เด็กหญิง- Oh my God เอนฯ ติดด้วยพี่

เธอหัวเราะเขินๆ น่ารักสมวัยใสๆ อย่างเธอมาก ทำให้ผมพลอยดีใจไปกับเธอด้วยเลย

ผม- แล้วติดที่ไหนละ คณะที่อยากเรียนรึเปล่า
เด็กหญิง- ติดที่คลองหกอ่ะพี่ รู้จักปล่าว ศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล
ผม- รู้จักซิ คนรู้จักของพี่ก็เรียนจบจากที่นั่น
เด็กหญิง- คณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชนอ่ะ วิทยุ-โทรทัศน์ รุ่นหนูเป็นรุ่นที่สองของสาขานี้แหละ แต่คณะอ่ะเปิดมาสี่ปีแล้ว

เห็นเธอจ้องมาทางผม ผมจึงพยักหน้าเพื่อให้เธอรู้ว่าผมกำลังฟังอยู่

ผม- แล้วพ่อไม่ว่าเหรอ เรียนเกี่ยวกับบันเทิงๆ นี่

เธอขำน้อยๆ ก่อนตอบผมมาว่า

เด็กหญิง- หนูก็บอกไปเหมือนที่เคยบอกพี่นั่นแหละ จริงๆ พ่อไม่ได้ถามหรอกนะ อาเป็นคนถามว่าทำไมไม่เรียนบริหาร หนูว่าแล้วว่าต้องบริหาร ก็คนไม่ชอบนี่นา เฮ้อ ทำไมผู้ใหญ่ต้องให้เด็กผู้หญิงเรียนแต่บริหารด้วยก็ไม่รู้

หลังจากบ่นพอเป็นพิธี เด็กหญิงก็ขอตัวไปเตรียมข้าวของสำหรับการอยู่หอพัก เพื่อเริ่มต้นชีวิตนักศึกษา


วัยรุ่นตอนปลาย

เด็กหญิงกลายเป็นนักศึกษา
แรกๆ เธอบอกผมว่า มีปัญหาเรื่องเพื่อน แต่เธอก็สามารถฝ่าฟันอุปสรรคผ่านพ้นไปได้

ครับ เมื่อเข้าเรียนที่ใหม่ๆ มักจะเกิดการรวมกลุ่ม รวมก๊วน
ต้องทำตัวให้เหมือนกัน จึงจะเข้าไปอยู่ในกลุ่มในก๊วนนั้นๆ ได้

หากทำตัวแปลกแยกก็จะไม่มีใครคบ

ผม- เห็นว่ามีปัญหาเรื่องเพื่อนหรือ?
เด็กหญิง- ใช่พี่ แต่ไม่เป็นไรแล้วละ
ผม- แล้วทำอย่างไรละ
เด็กหญิง- พี่ ตอนแรกหนูก็ทำตัวตามคนอื่นนะ แบบไปไหนไปด้วย ทำไรทำด้วย เฮโลกันเข้าไป แต่...เฮ้อ

เธอถอนหายใจก่อนเล่าให้ผมฟังอีกครั้ง

เด็กหญิง- เฮไหนเฮนั่น ทำไรทำด้วย มันก็ดีนะ อุ่นใจดี แต่ถ้าเราทำอะไรไม่ถูกใจคนในกลุ่ม แล้วถ้าไม่ถูกใจคนในกลุ่มส่วนใหญ่ รับรองโดนแบน โดนเมินชัวร์ เฮ้อ หนูก็โดนแบบนั้นเหมือนกัน ตอนหลังเลยอยู่เฉยๆ นิ่งๆ แล้วพอดีมีเพื่อนที่รู้สึกเหมือนกัน แบบอยู่นิ่งๆ ก็เลยมาสนิทกัน เฉยๆ แล้วพี่ เดี๋ยวเวลาก็ทำให้สนิทกันเป็นเพื่อนกันโดยที่ไม่แบ่งกลุ่มกันได้เองแหละ

สี่ปีในการเรียนมหาวิทยาลัย ทำให้เด็กหญิงสั่งสมประสบการณ์ต่างๆ ทั้งดี ไม่ดี ทั้งสุข และทุกข์

จบการศึกษาแล้ว แต่เธอยังสับสน เธอบอกผมว่าเธอยังสับสน

ผม- ว่าไง จะจบแล้วทำไมทำหน้าอย่างนั้นละ
เด็กหญิง- ก็ไม่รู้ว่าจะทำงานอะไรดีน่ะซิพี่
ผม- เราอยากทำอะไรก็ทำอย่างนั้นซิ
เด็กหญิง- อยากเป็นนักเขียน แต่เขียนอะไรไม่ค่อยรู้เรื่องง่ะ เฮ้อ..

หลังจากเรียนจบ ผมเจอเธอครั้งสุดท้ายตอนไปงานรับปริญญา
เด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่ผมเห็นตั้งแต่เด็ก บัดนี้เธอโตแล้ว เรียนจบแล้ว และกำลังจะก้าวเข้าไปเป็นกำลังสำคัญในสังคม กำลังที่จะทำให้เกิดพลังในการขับเคลื่อนให้สังคมเติบโตขึ้นไปในทางที่ดี

หลังจากงานรับปริญญาของเธอ นี่ก็ สี่เดือนเข้าไปแล้วที่ผมไม่ได้เจอกับเธอเลย
... สักครู่นะครับ เธอโทรมาพอดี

ผม- ว่ายังไงจ๊ะเด็กน้อย
เด็กหญิง- มีงานให้หนูทำไหมค่ะ
ผม- หือ ตกงานอยู่เหรอเนี่ย
เด็กหญิง- ก็ไม่เชิง เอ หรือหนูกำลังตกงานอยู่เนี่ย

เธอหัวเราะตัวเอง แต่ผมรู้สึกว่าน้องสาวของผมคนนี้กำลังสับสน

ผม- ก่อนหน้านั้นทำอะไรอยู่ละ
เด็กหญิง- ตอนจบใหม่ๆ เป็นนักเขียนละพี่ สมใจเลย อิอิ หลังจากนั้นก็ทำงานเกี่ยวรายการโทรทัศน์ สมัครเขียนบทนะพี่ แต่ได้ทำตัดต่ออ่ะ ตอนแรกเป็นพนักงานประจำ แต่ตอนนี้เป็นฟรีแลนซ์แล้ว ทำกับเจ้าของรายการคนใหม่ แต่ตอนนี้เขาจะไม่ทำแล้วอ่ะพี่ ก็เลยต้องหางาน
ผม- อืม แล้วเรามองๆ ที่ไหนไว้รึยัง
เด็กหญิง- จะไปสมัครพิธีกรรายการกบนอกกะลาค่ะ อิอิ ลองดูเผื่อจะได้เป็นกบตัวใหม่

หลังจากพูดคุยปรึกษากับเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็ได้แต่หวังว่าน้องสาวของผมจะหางานใหม่ทำได้โดยเร็ว

ไม่ยากเกินไปใช่ไหม สำหรับคนที่เป็นกำลังสำคัญของสังคม

สู้เข้าไว้นะ

Monday, March 26, 2007

สวัสดีตัวฉันในวันนี้

สวัสดี...
ปล.ฉันจะเรียกเธอ -ตัวของฉันนั่นแหละ ว่า "MaiLo" ละกันนะ

หนึ่ง.
นี่ MaiLo วันนี้เป็นวันจันทร์ที่ 26 มีนาคม 2550
ฉันสมัครสมาชิกของบล็อกแก๊ง
หลังจากที่ได้ไปแอบอ่านบล็อกของคนอื่นที่เกิดจากที่นี่มาหลายครั้งแล้วนะ

สอง.
MaiLo ว่าฉันเหลวไหลไหม
ก็ฉันอายุจะยี่สิบสามในวันที่หกมิถุนายนปีนี้แล้ว
แต่ฉันยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันซักอย่างเลย ดูคนอื่นซิที่อายุเท่าฉันหรือน้อยกว่าฉัน เขายังมีอะไร มากกว่าฉันเลย

สาม.
ฉันเรียนจบจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ในสมัยที่ฉันสอบเอนทรานซ์เข้ามายังเป็นศูนย์กลางสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล หรือที่เขาเรียกๆ กันว่า คลองหก อยู่เลย

-แสดงว่าฉันแก่แล้วใช่ไหม- ก็ไม่นะ ยังเด็กๆ อยู่เลย อิอิ

สี่.
นี่ MaiLo ตอนเด็กเคยเป็นเหมือนกันไหม
คิดจินตนาการว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรยังไงละ
เนี่ยฉันอยากเป็นครูแหละ ตอนเด็กๆน่ะ

แต่โตมาได้ทำงานอะไรก็ไม่รู้ แหะๆ ไม่ใช่คุณครูด้วย

ห้า.
นี่ MaiLo ความรักเป็นอย่างไรกันนะ
จะเป็นเหมือนน้ำหวานหรือเปล่า
หรือจะเป็นเหมือนรสของบอระเพ็ดที่แม่เอามาป้ายที่ เอ่อ นม ของแม่เพื่อให้ฉันหย่านมเสียที

หก.
แล้วทำไมฉันต้องเกิดมาเป็นคนด้วยละ

สงสัยจัง

MaiLo >>
MaiLo ขอข้ามข้อหนึ่งนะ เพราะก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นวันอะไร

ข้อสอง
อืม... MaiLo ก็ไม่รู้เหมือนกันนะว่าเหลวไหลหรือเปล่า
แต่ เอ่อ ถ้ารีบกลับไปทำงานตอนนี้และเดี๋ยวนี้
ในเวลานี้ก็คงไม่เหลวไหลหรอก
แล้วก็นึกถึงสิ่งที่อยากทำนะ แล้วตั้งเป้าเอาไว้ว่า ฉันจะต้องทำให้ได้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหน
หลังจากนั้นแล้วก็ทำให้ได้ตามที่ตั้งไว้
ที่สำคัญ MaiLo เป็นกำลังใจให้เสมออยู่แล้ว

ข้อสาม
แก่แล้วซิ
อายุเราเพิ่มขึ้น เราก็แก่ขึ้นนั่นแหละ
เราแก่ประสบการณ์ในชีวิต ได้พบเจอกับสิ่งใดมา นั่นแหละ ประสบการณ์
เราแก่ความคิด คิดอะไรได้ยาวขึ้นไงละ

ข้อสี่
MaiLo ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เพราะความรักของแต่ละคนไม่เหมือนกันไงละ
ของ MaiLo ก็แบบนึง ของคนอื่นก็แบบนึง

แต่สิ่งที่เรียกว่าความรัก จะไม่เกิดขึ้นเลย ถ้าไม่ได้มาจากคนสองคน

ข้อห้า
เพราะเรายังทำการกระทำต่างๆ ไว้ไม่หมดน่ะซิ
เคยได้ยินไหม
เป็นมนุษย์ เพราะว่ามีกรรม กรรมคือการกระทำ
ต้องชดใช้กรรม หรือการกระทำของเรานั่นเอง